ในที่สุดราคาหุ้น SUPER ก็กลับมายืนเหนือ 1 บาทได้สำเร็จ หลังจากลงไปเป็นหุ้นต่ำบาทอยู่ถึง 2 ปี และขณะนี้ก็ดูเหมือนแสงสว่างกำลังส่องลงมาที่ธุรกิจจริงๆ โดยที่กูรูมองว่ากำไรจะทำนิวไฮต่อเนื่องทุกปีในช่วงปี 63 - 66 ตามโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ที่ทยอยสร้างเสร็จ...แต่ภายใต้เงาของแสงที่กำลังสาดส่อง SUPER มีอะไรที่เราควรต้องระวังบ้าง?
*** ราคาหุ้นนิวไฮรอบ 2 ปี ภายใน 3 เดือน มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป?
หากจะพูดถึงความสุดยอดของ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ในช่วงนี้คงมองข้ามเรื่อง "ราคาหุ้น" ไปไม่ได้ เพราะเมื่อ 3 เดือนที่แล้วราคาหุ้นยังทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี (0.28 บาท) อยู่เลย แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นกลับเดินหน้าขึ้นมาแตะนิวไฮรอบ 2 ปี ไปในช่วงเช้าของวันนี้ที่ 1.10 บาท
ราคาหุ้น SUPER ปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 1.07 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 1.90% หุ้น SUPER ที่สลัดคราบหุ้นต่ำบาทไปได้เสียเฉยๆ ทั้งที่พื้นฐานโดยรวมยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ถือเป็นปริศนาที่ต้องรอการพิสูจน์ ใครเป็นคนเข้าซื้อ? และเห็นอะไรใน SUPER กันแน่?
เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมา ก็มีเพียงงบไตรมาส 1/63 เท่านั้นที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ
ซึ่งหากแกะดูงบภายใน ก็จะพบว่าผลประกอบการไม่ได้เติบโตขึ้นแต่อย่างใด แม้ไตรมาส 1/63 จะทำกำไรสุทธิไปได้ถึง 718 ล้านบาท (+81% YoY) เพิ่มขึ้น 323 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนนั้น แต่นั่นเป็นเพราะ SUPER มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 337 ล้านบาทจากช่วงเดียวกัน ดังนั้นหากหักลบผลจากกำไรค่าเงินออกไป ก็เท่ากับว่ากำไรสุทธิยังทรงตัวอยู่
*** กูรูเชื่อ! กำไรนิวไฮต่อเนื่องในปี 63 - 66
สิ่งที่พอจะอธิบายราคาหุ้นที่บวกแรงได้ก็คือแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนขึ้นนั่นเอง แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนอยู่มาก
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)หยวนต้า ระบุว่า กำไรปกติของ SUPER ในปี 63-66 จะเดินหน้าทำนิวไฮต่อเนื่องทุกปี เริ่มที่ปี 63 ทำได้ 1,610 ล้านบาท (+44.5% YoY) ไปเป็น 2,900 ล้านบาท ในปี 66 หรือคิดเป็น +27.1% CAGR
ซึ่งเป็นไปตามกำลังผลิตที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 806 เมกะวัตต์(MW)ในปี 62 ไปเป็น 1,718 MW ในปี 65 โดยมีโครงการสำคัญๆ ที่ทำให้กำลังผลิตเติบโต คือ โครงการแสงอาทิตย์ในเวียดนาม 3 โครงการ กำลังผลิต 490 MW เริ่มจ่ายไฟสิ้นปีนี้ และพลังงานลมในเวียดนาม 4 โครงการ กำลังผลิต 421 MW จะจ่ายไฟตั้งแต่ไตรมาสแรก-สิ้นปี 64
ซึ่งจากกำลังผลิตที่ส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่สิ้นปี 63 ทำให้กำไรปกติปี 64 จะเป็นปีที่เติบโตก้าวกระโดดมากสุดมาที่ 2,562 ล้านบาท (+59.2%) และกลับสู่ระดับปกติไปถึงปี 66 ที่ 2,900 ล้านบาท
*** ราคาเหมาะสมปี 64 อยู่ที่ 1.47 บ. อาจมีอัพไซด์ได้อีก 0.23 บ.
หลังจากประเมินการเติบโตทั้งหมด บล.หยวนต้า ได้ให้ราคาเหมาะสมสิ้นปี 64 ไว้ที่ 1.47 บาท มีอัพไซด์จากราคาสูงสุดเช้านี้(1.10 บ.)ที่ 33%
อย่างไรก็ดีราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จาก
1)โครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในเวียดนาม 200 MW ซึ่งยังไม่รวมไว้ในประมาณการ เพราะต้องรอความชัดเจนก่อน แต่โครงการนี้มีผลต่อราคาเหมาะสม 0.23 บาท/หุ้น
2)Capacity Factor ในเวียดนามมีโอกาสดีกว่าที่คิด โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์จะอยู่ที่ 17% จากปกติ 18 - 20% และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 27% จากปกติ 30%
3)ดอกเบี้ยจ่ายอาจต่ำกว่าที่คาด 4.5%
4)งบลงทุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในเวียดนามอาจต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 25 ล้านบาทต่อMW เพราะบริษัทให้ข้อมูลไว้ว่าลงทุนเพียง 19.5 ล้านบาทต่อMW
5)มีอีกสองโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศ 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 24 MW ที่รออนุมัติ
6)ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยังไม่ได้นำมารวมในประมาณการ
*** D/E จะเพิ่มเป็น 3.1 เท่าในปีหน้า
สิ่งที่ต้องระวังสำหรับ SUPER ก็คึอปริมาณหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นต่อเนื่องไปอีก โดยที่ ณ สิ้นไตรมาส 1/63 SUPER มีเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นมาเป็น 4,874.24 ล้านบาท จากสิ้นปี 62 ที่ 111.92 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.42 เท่า และล่าสุด(2มิ.ย.63) SUPER เพิ่งออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันอีก 1.5 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี
ซึ่ง บล.หยวนต้า ก็ระบุว่า D/E Ratio และ Net Gearing Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เท่า และ 1.9 เท่า ในปี 2563 และจะสูงที่สุดในปี 2564 ที่ 3.1 เท่า และ 2.5 เท่า ตามลำดับ จากการลงทุนโครงการใหญ่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่ประเทศเวียดนาม ใช้เงินลงทุนทั้งหมดราว 25,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมเรื่องเงินลงทุนแล้ว
โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งสถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศด้วย แต่จะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลงและโครงการยังอยุ่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งจะต้องใช้เงินชำระแก่ผู้รับเหมางาน EPC 6 เดือนหลังจาก COD ทำให้มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยอาจต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 4.5% ได้ อย่างไรก็ตามอัตราส่วน DE Ratio และ Net Gearing ratio ยังอยู่ในระดับที่เป็นปกติสำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าแต่เมื่อโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนาทยอย COD ครบถ้วน และรับรู้รายได้เต็มที่ในปี 2565 อัตราส่วนทั้ง 2 จะลดลงเป็น 2.8 เท่า และ 2.0 เท่า ตามลำดับ
หากนักลงทุนสามารถตอบได้ว่า ทำไมราคาหุ้น SUPER ถึงเพิ่งมาบวกเอาช่วงนี้ ทั้งที่พื้นฐานของหุ้นและกำหนดการณ์โครงการก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย และสามารถยอมรับได้ว่าสัดส่วน D/E ที่ 3.1 เท่าในปี 64 ไม่ได้สูงมากจนส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและการลงทุน ก็อาจเข้าลงทุนได้ ! แต่หากตอบไม่ได้ก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยว เพราะไม่มีอะไรการันตีได้ว่าราคาหุ้นจะตอบรับข่าวไปหมดหรือยัง?
No comments:
Post a Comment