Pages

Wednesday, August 12, 2020

บอส อยู่วิทยา: ลำดับเหตุการณ์ในรอบ 8 ปีคดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจตาย - บีบีซีไทย

utaksate.blogspot.com

นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ซึ่งตอนนั้นอายุ 28 ปี ขับรถเฟอร์รารีชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตโดยลากร่างตำรวจนายนี้ไปกว่า 200 เมตร ราว 5.30 น. ที่ช่วงปากซอยสุขุมวิท 47 แล้วหลบหนีไปที่บ้านพักเลขที่ 9 ซ.สุขุมวิท 53

ตำรวจระดับสารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ทองหล่อนำตัวคนดูแลบ้านอยู่วิทยาไปมอบตัวโดยระบุว่าเขาเป็นคนขับรถชนตำรวจตาย แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นคนขับรถจริง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในขณะนั้นต้องลงพื้นที่เพื่อติดตามนายวรยุทธมามอบตัว และในที่สุดนายวรยุทธเข้ามอบตัวที่ สน.ทองหล่อในเวลา 10.30 น.

หลังจากเข้ามอบตัวในวันเดียวกัน มีการนำตัวเข้าห้องสอบสวนราว 6 ชม. โดยให้การภาคเสธและยอมรับว่าขับรถสปอร์ตหรูไปประสบอุบัติเหตุจริง แต่ผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าทำให้หักหลบไม่ทัน นอกจากนี้ นายวรยุทธยังอ้างว่าเกิดความเครียดหลังขับรถชน จึงไปดื่มแอลกอฮอล์ในภายหลัง

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้ก่อเหตุไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่ รพ.สมิติเวช แล้วได้แจ้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ตำรวจไม่คัดค้านประกันตัว จึงให้ประกันตัวออกไปในวงเงินประกัน 5 แสนบาท

นายจารุชาติ มาดทอง เข้าให้การเป็นพยานว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์อุบัติเหตุขณะที่เขาขับรถกระบะส่งของ แต่เขาไม่ได้ระบุถึงความเร็วของรถยนต์หรูที่นายวรยุทธขับในวันนั้น

ทนายของนายวรยุทธขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา

ผลตรวจเลือดโดยสาขาวิชานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุถึงสารแปลกปลอมที่พบในร่างกาย ของ นายวรยุทธ ว่ามีทั้งหมด 4 ชนิด ในจำนวนนี้มี 2 ชนิด (Benzoyleegorine และ Cocaethylene) ที่เป็นสารที่เกิดขึ้นในเลือด ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกายหลังจากการเสพโคเคน

จนท. เรียกตัวผู้ต้องหาให้มารับทราบข้อกล่าวหาเมาแล้วขับเพิ่มเติม

นายวรยุทธ พร้อมผู้ติดตาม เข้ารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ และข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หลังผลการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและผลของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานออกมาว่านายวรยุทธขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ระบุว่าได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าจะนำส่งสำนวนคดีนายวรยุทธต่ออัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ซึ่งระบุถึงผลการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายในสำนวน

อัยการมีความเห็นแย้ง เห็นควรสั่งฟ้องเป็น 4 ข้อหา รวมทั้งฟ้องข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่สั่งฟ้องข้อหาขับรถขณะเมาสุรา เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานทางคดีบ่งชี้ว่ามีการกระทำผิด

2 ข้อหาขาดอายุความ ประกอบด้วย 1) ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ 2) ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ทั้งสองข้อหามีอายุความ 1 ปี

พ.ต.ต.ธนสิทธิ แตงจั่น ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจพิสูจน์หลักฐานและผู้ตรวจสอบความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับ มีการคำนวณหาความเร็ววิธีใหม่ได้ความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับขี่ประมาณ 79.23 กม./ชม. แต่สำนักข่าวอิศราระบุว่า ไม่ปรากฏข้อมูลความเร็วของรถยนต์ที่ 177 กม./ชม. ในสำนวนของอัยการ

1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอายุความ 15 ปี จำคุกไม่เกิน 10 ปี แต่ต่อมาอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ฟ้อง ข้อหาจึงตกไป

2. ข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร ซึ่งมีอายุความ 5 ปี

ส่วนข้อหา ขับรถเร็วและเมาแล้วขับ พนักงานสอบสวนไม่สั่งฟ้องเพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ

นายวรยุทธมอบอำนาจให้ทนายความมายื่นหนังสือกับพนักงานอัยการขอเลื่อนคดี อ้างว่าติดธุระอยู่ต่างประเทศ พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีจึงเลื่อนไปวันที่ 25 พ.ค. 2559

นายวรยุทธไม่มาพบพนักงานอัยการ พนักงานอัยการจึงมีหนังสือแจ้งไปที่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ให้ไปดำเนินการติดตามเอาตัวผู้ต้องหาเพื่อส่งฟ้องต่อศาล แต่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ แจ้งว่าผู้ต้องหาได้ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานอัยการออกไปก่อน เนื่องจากได้ไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ กมธ.กฎหมายฯ สนช. เพื่อขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม

พล.ต.ท. ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ระบุว่า นายวรยุทธได้เดินทางออกจากประเทศ ก่อนหน้าที่ศาลอาญากรุงเทพใต้จะออกหมายจับ โดยเบื้องต้นปลายทางในการเดินทางคือ ประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเดินทางต่อไปยังประเทศอะไรต่อไปหรือไม่

ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับนายวรยุทธ ในข้อหาชนแล้วหนี และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หลังจากเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องพนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้เป็นครั้งที่ 8 โดยอ้างว่าติดภารกิจในต่างประเทศ

สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเปิดเผยว่าได้บรรจุชื่อของนายวรยุทธอยู่ในบัญชีดำ เพื่อตรวจตามจุดผ่านแดนทุกจุดของประเทศ เพื่อที่จะเปิดทางให้ สตม. จับกุมตัวทันที หากพบตัวตามจุดผ่านแดนต่าง ๆ

ทางการสิงคโปร์เปิดเผยว่านายวรยุทธไม่ได้อยู่ในประเทศ หลังจากตำรวจไทยเปิดเผยว่าเขาเดินทางออกจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินส่วนตัวไปสิงคโปร์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการกงสุลได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายวรยุทธ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องขอ

ข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรหมดอายุความ หลังจากครบกำหนด 5 ปี

เว็บไซต์ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) เผยแพร่หมายจับ “หมายแดง” นายวรยุทธ บนเว็บไซต์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าหมายจับของนายวรยุทธยังคงอยู่ในระบบเพียงแต่ไม่ได้แสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ของอินเตอร์โพล

มีการเรียกพยานเข้ามาให้ข้อมูลในคดีเพิ่ม 2 ปาก ประกอบด้วยนายจารุชาติ มาดทองและพล.อ.ท.จักกฤช ถนอมกุลบุตร โดยระบุว่า ด.ต.วิเชียร ขับรถตัดหน้า โดยการเปลี่ยนเลนกระทันหันจากช่องทางซ้ายมาเป็นช่องทางที่ 2 หรือเลนกลาง และมีรายงานว่าเขากล่าวถึงความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับว่าไม่เกิน 80 กม./ชม.

มีหนังสือลงนามโดย พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รักษาการ ผกก.สน.ทองหล่อ ถึงนายวรยุทธ แจ้งเรื่องอัยการสูงสุดไม่ฟ้องคดีทุกข้อกล่าวหา และได้ถอนหมายจับแล้ว

ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางวินัย พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กับนายตำรวจรวม 7 นาย กรณีช่วยเหลือนายวรยุทธ ไม่ให้ถูกดำเนินคดี ข้อหาขับรถขณะเมาสุรา และข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งไม่ออกหมายจับ จนเป็นเหตุให้หลบหนีได้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้แจงกรณีเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น รายงานว่าอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ ทุกข้อหา ขณะที่ตำรวจไม่ทำความเห็นแย้งอัยการสูงสุด ทำให้คดีเป็นอันสิ้นสุด

อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานตรวจสอบกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องทายาทกระทิงแดง

พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกระบวนการทำงานของข้าราชการตำรวจในการพิจารณาสำนวนคดีนายวรยุทธ โดยมีพล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นประธาน ประกอบด้วยคณะกรรมการ 10 คน ทำงานในกรอบเวลา 15 วัน

ในวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 225/2563 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาดังกล่าว โดยมี ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธานกรรมการ

ขณะที่ ครอบครัวอยู่วิทยาอีกสายออกจดหมายเปิดผนึกกดดันให้ ครอบครัวของนายวรยุทธ อยู่วิทยา แสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังตระกูลอยู่วิทยาเผชิญกระแสลบ “จนเกินกว่าจะแบกรับ”

นายจารุชาติ มาดทอง เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในจ.เชียงใหม่ ทั้งนี้เขาเป็นพยานปากสำคัญในคดีที่นายวรยุทธ ในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอายัดศพของนายจารุชาติ มาดทอง เพื่อชันสูตรพลิกศพอีกครั้งอย่างละเอียด หลังจากสังคมมีข้อสงสัยว่าอาจเป็นเหตุฆาตกรรมอำพราง เนื่องจากเขาเสียชีวิตเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ว่าอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า นายจารุชาติมีความเกี่ยวพันกับนายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีต ส.ว.เชียงใหม่และรู้จักกับทางตระกูล “อยู่วิทยา” เป็นผู้สนับสนุนให้ทีมฟุตบอล ขณะที่นายจารุชาติเคยทำงานด้วย แต่นายชูชัยปฏิเสธ

บอส อยู่วิทยา: ตร.เชียงใหม่ส่งศพ “จารุชาติ มาดทอง” ชันสูตรซ้ำหลังสังคมสงสัยเป็นฆาตกรรมอำพราง

คณะทำงานตรวจสอบกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ “บอส” อยู่วิทยา ผู้ต้องหาหนีคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ที่แต่งตั้งโดยอัยการสูงสุด (อสส.) ระบุคำสั่งไม่ฟ้องทายาทกระทิงแดงเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด แต่พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น คือ ความเร็วรถและยาเสพติด ที่สามารถดำเนินคดีทายาทกระทิงแดงต่อได้ ประกอบด้วย การดำเนินการ 2 ประการ คือ ประการแรกจะแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทสอง (โคเคน) ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ในมาตรา 58 และ 91 และประการที่สอง จะให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 ทำการสอบสวนใหม่ในประเด็นขับรถโดยประมาทซึ่งอายุความเหลืออีก 7 ปี

Let's block ads! (Why?)



"หลังจาก" - Google News
August 12, 2020 at 04:25PM
https://ift.tt/2PJqJky

บอส อยู่วิทยา: ลำดับเหตุการณ์ในรอบ 8 ปีคดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจตาย - บีบีซีไทย
"หลังจาก" - Google News
https://ift.tt/3esKVCL

No comments:

Post a Comment