นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษาหรือ "ไผ่ ดาวดิน" นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิชุมชนและประชาธิปไตย เดินทางจาก จ.ขอนแก่น ถึงกรุงเทพฯ เช้าวันนี้ (27 ส.ค.) พร้อมสมาชิก "กลุ่มดาวดิน" และตั้งแคมป์ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนินกลาง โดยประกาศว่าจะปักหลักพักค้างที่นี่ 1 คืนก่อนเดินทางไปที่ สน. สำราญราษฎร์ในวันพรุ่งนี้
กิจกรรม "มหกรรมประชาชน นอนแคมป์ไม่นอนคุก" ซึ่งร่วมจัดโดยกลุ่มดาวดินและแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มีขึ้น 3 วันหลังจากนายจตุภัทร์ บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แกนนำกลุ่มดาวดินซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำงานด้านการปกป้องสิทธิชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐในภาคอีสาน ได้รับหมายเรียกให้ไปรายงานตัวที่ สน. สำราญราษฎร์ จากการขึ้นเวทีปราศรัยที่งานชุมนุมของกลุ่ม "เยาวชนปลดแอก" เมื่อ 18 ก.ค.
หลังจากได้รับหมายเรียก นายจตุภัทร์และสมาชิกกลุ่มดาวดินได้รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญในเมืองขอนแก่นและเผาหมายเรียกซึ่งเขาระบุว่าเป็น "สัญลักษณ์ของการคุกคามและกดขี่ประชาชน" ก่อนจะประกาศปักหลักค้างคืนที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ระหว่างวันที่ 27-28 ส.ค.
"เรารณรงค์ให้รัฐยุติการข่มขู่คุกคามประชาชน แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือการข่มขู่คุกคามประชาชน" นายจตุภัทร์กล่าวก่อนเผาหมายเรียก
จากต้านรัฐประหารถึงแฟลชม็อบภาค 2
นายจตุภัทร์และสมาชิกกลุ่มดาวดินเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ครั้งหนึ่งนายจตุภัทร์ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บุกไปชูสามนิ้วต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังพูดอยู่บนเวทีขณะลงพื้นที่ จ. ขอนแก่น เมื่อเดือน พ.ย. 2557
หลังจากนั้นเขาและเพื่อนก็ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อต้านรัฐประหารเรื่อยมา รวมทั้งการเคลื่อนไหวรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
นายจตุภัทร์ถูกนำตัวไป "ปรับทัศนคติ" และถูกควบคุมตัวหลายครั้งจากการทำกิจกรรมต้านรัฐประหาร จนกระทั่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2559 ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และละเมิด พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากการแชร์บทความ พระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ของบีบีซีไทยไว้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2559
วันที่ 15 ส.ค. 2560 ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาตัดสินจำคุกนายจตุภัทร์เป็นเวลา 5 ปี แต่ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน เนื่องจากให้การรับสารภาพ
เขาได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ พ.ศ. 2562 ที่ตราขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ 10 และได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำกลางขอนแก่นเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2562 รวมระยะเวลาที่ถูกจองจำ 870 วัน หรือ 2 ปี 5 เดือน 7 วัน
หลังจากได้รับอิสรภาพ นายจตุภัทร์ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ระหว่างอยู่ในเรือนจำ ได้กลับมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับกลุ่มดาวดินอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย
วันที่ 18 ก.ค. ในการชุมนุมที่จัดโดยกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง นายจตุภัทร์ได้ขึ้นเวทีปราศรัยสั้น ๆ และร่วมร้องเพลงกับเพื่อนนักดนตรีวงสามัญชน ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มเยาวชนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้น นายจตุภัทร์ได้ร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอีกหลายครั้งในพื้นที่ภาคอีสาน
2 หมายเรียก
นายจตุภัทร์ได้รับหมายเรียก 2 หมายจากการชุมนุมทางการเมืองในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
หมายเรียกฉบับแรก ได้ลงวันที่ 18 ส.ค. ให้ไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน. สำราญราษฎร์ เวลา 10.00 น. วันที่ 28 ส.ค.
ข้อกล่าวหาที่ปรากฏในหมายจับมีดังนี้
- ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
- ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค
- กระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
- ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของหรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด
- ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร
- ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน
- ร่วมกัน โฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
หมายเรียกฉบับที่ 2 ลงวันที่ 21 ส.ค. ระบุให้นายจตุภัทร์ไปพบพนักงานสอบสวน ที่ สภ.เมืองขอนแก่น ระบุ 3 ข้อหาเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค
"ขบวนของทุกคน"
ในเวทีเสวนาเรื่อง "ขบวนการที่นักศึกษานำ จะนำไปสู่อะไร" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นายจตุภัทร์ให้มุมมองต่อการเคลื่อนไหวของเยาวชน นิสิต นักศึกษาในครั้งนี้ว่า น่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากมีการกล่าวถึงต้นตอของปัญหาในสังคมไทยอย่างตรงไปตรงมา
"การเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มอาจจะมียุทธวิธีแตกต่างกัน แต่เป้าหมายไปในทางเดียวกัน เส้นทางเดียวกัน เพราะเราเห็นปัญหาในสังคมไทยเหมือนกันและเรากล้าพูดถึงปัญหานี้" เขาระบุโดยอ้างอิงถึงประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นหนึ่งในประเด็นที่อยู่ในข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชน
นายจตุภัทร์กล่าวว่าเขาคิดว่าเวลานี้เป็นจังหวะและโอกาสที่จะทำให้ปัญหาของชาวบ้านและการเรียกร้องประชาธิปไตยมารวมกัน
"เพราะปัญหาการเมืองมันส่งผลทั้งหมด จังหวะนี้แหละที่จะทำให้ปัญหาของชาวบ้านและการเรียกร้องประชาธิปไตยมารวมกัน ขบวนวันนี้เป็นขบวนของทุกคนไปแล้ว...ทุกวันนี้ปัญหาทุกปัญหายังคงมีอยู่ ทั้งเรื่องแรงงาน ทรัพยากร สิทธิชุมชุน แต่มันไม่ถูกพูดถึง เราจึงต้องใช้โอกาสในการต่อสู้นี้เพื่อขยับขยายแนวร่วมให้ครอบคลุมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากรัฐประหาร โครงสร้างทางการเมือง นโยบายของรัฐและจากการบังคับใช้กฎหมาย" นักกิจกรรมวัย 28 ปีกล่าวบนเวที ซึ่งมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศร่วมฟังจำนวนมาก
"ผมคิดว่าปัญหาต่าง ๆ ในสังคมไทยจะแก้ไขได้ต้องให้เจ้าของปัญหามาแก้ เยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวก็เป็นเจ้าของปัญหากลุ่มหนึ่ง ชาวบ้านก็มีปัญหาหนึ่ง ชาวนาก็ต้องมาแก้ไขเรื่องการเกษตร ราคาผลผลิต ทุกคนที่เป็นเจ้าของปัญหาล้วนมีข้อเสนอในการแก้ไขปัญหา แต่รัฐไม่เคยฟัง" เขากล่าว
"การแก้ปัญหาของรัฐบาลไทยคือการไม่พูดถึงปัญหา และปิดกั้นไม่ให้นักศึกษาประชาชนออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ เพราะเกิดบรรยากาศของความกลัวและทำให้ต้นทุนในการออกมาเคลื่อนไหวมันสูง"
นายจตุภัทร์เรียกร้องผ่านผู้สื่อข่าวต่างประเทศไปยังประชาคมโลกให้ช่วยกดดันรัฐบาลไทยให้ปฏิบัติตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก
"ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีความเป็นสากลในหลาย ๆ อย่าง แต่สิ่งที่ไม่มีความเป็นสากลก็คือการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชน"
นายจตุภัทร์บอกว่าในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเขาฝากความหวังไว้กับปฏิญญานี้ว่าจะช่วยปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชนของเขาและคนไทยได้
"พอรัฐไทยไม่เคารพหลักการนี้ ปฏิญญาสากลก็เป็นแค่หลักการสวยหรูแต่ใช้ไม่ได้จริง เมื่อรัฐไทยไม่ปฏิบัติตามหลักการนี้หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมอยากให้ทุกคนช่วยทำอะไรบางอย่างเพื่อให้รัฐไทยปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ไปผูกพันไว้"
"หลังจาก" - Google News
August 27, 2020 at 03:37PM
https://ift.tt/2Qs3iwu
ไผ่ ดาวดิน: กลุ่มดาวดินปักหลักค้างคืนที่อนุสรณ์ฯ 14 ตุลา ก่อนไป สน. สำราญราษฎร์ตามหมายเรียก - บีบีซีไทย
"หลังจาก" - Google News
https://ift.tt/3esKVCL
No comments:
Post a Comment