หัวหน้าตำรวจเมืองแอตแลนตา ในสหรัฐฯ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบกรณีเจ้าหน้าที่ยิงชายผิวสีคนหนึ่งจนเสียชีวิต หลังจากเขาขัดขืนการจับกุม
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นางเอริกา ชีลด์ส ผู้บังคับการตำรวจเมืองแอตแลนตา ในรัฐจอร์เจีย ของสหรัฐฯ ยื่นหนังสือลาออกในวันเสาร์ที่ 13 มิ.ย. 2563 เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่ตำรวจยิง นายเรย์ชาร์ด บรูคส์ ชาวแอฟริกันอเมริกัน วัย 27 ปี จนเสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ตามการเปิดเผยของ เคชา แลนซ์ บอตทอมส์ นายกเทศมนตรีเมืองแอตแลนตา นางชีลด์สรับตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 หลังจากทำงานในกรมตำรวจแอตแลนตามานานกว่า 20 ปี และหลังจากลาออกเธอจะทำงานในกรมตำรวจแอตแลนตาต่อไป แต่ในหน้าที่อื่น
“เพราะความต้องการของเธอที่อยากให้แอตแลนตาเป็นตัวอย่างให้ทั่วประเทศเห็นว่า การปฏิรูปที่มีความหมายเป็นเช่นไร หัวหน้าชีลด์สจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าตำรวจในทันที เพื่อให้เมืองก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร่งด่วน และสร้างความเชื่อมั่นในชุมชนของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการมากๆ ขึ้นมาใหม่” นางบอตทอมส์กล่าว และเรียกร้องให้กรมตำรวจปลดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการตายของนายบรูคส์ด้วย
ทั้งนี้ ในคืนวันศุกร์ ตำรวจถูกเรียกไปยังร้านอาหารจานด่วน เวนดีส์ หลังนายบรูคส์นอนหลับในรถกีดขวางเส้นทางจราจรช่องไดรฟ์ทรู หรือช่องสำหรับขับรถเข้าไปซื้อของโดยไม่ต้องจอด ซึ่งตำรวจพบว่าชายคนนี้มีระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกำหนด และพยายามจับกุมตัว
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสืบสวนรัฐจอร์เจีย (GBI) แถลงในวันเสาร์ว่า นายบรูคส์ต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ และแย่งปืนช็อตไฟฟ้าของตำรวจไปได้ และเล็งปืนมายังเจ้าหน้าที่ ทำให้ตำรวจตัดสินใจชักปืนยิงเขาจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
การสังหารนายบรูคส์เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป เกิดการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวและการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีชนวนเหตุจากกรณี นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี วัย 46 ปี เสียชีวิตระหว่างถูกตำรวจจับกุมเมื่อปลายเดือนก่อน
ในวันเสาร์ ผู้ชุมนุมจำนวนมากในเมืองแอตแลนตาออกมาเดินขบวนตามท้องถนน เรียกร้องให้มีการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ในคดีการเสียชีวิตของนายบรูคส์ด้วย.
อ่านเพิ่มเติม...
"หลังจาก" - Google News
June 14, 2020 at 07:21AM
https://ift.tt/2YButss
หัวหน้าตำรวจแอตแลนตาลาออก เซ่นเหตุจนท.ยิงชายผิวสีดับ - ไทยรัฐ
"หลังจาก" - Google News
https://ift.tt/3esKVCL
No comments:
Post a Comment